Fintech หรือเทคโนโลยีทางการเงิน เป็นคำศัพท์กว้างๆ ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีที่ใช้ในการบริการจัดการและการให้บริการทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยีที่หลากหลาย เช่น แอปพลิเคชันมือถือด้านการเงิน ตู้ ATM และแม้กระทั่งการส่งเงินทางโทรเลขในอดีต
บริษัท Manao Software มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปพลิเคชัน Fintech ทั้งอุปกรณ์มือถือและเดสก์ท็อป โดยเราเคยทำงานร่วมกับบริษัทหลายแห่ง เพื่อสร้างแอปพลิเคชัน Fintech ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน
ประวัติและวิวัฒนาการของ Fintech
แม้ว่าบริการด้าน Fintech จะมีมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่สิ่งที่เราเรียกว่า Fintech ในปัจจุบันเริ่มมีวิวัฒนาการในช่วงปี 1980 เมื่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารเริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ จากนั้นในปี 1990 บริการธนาคารออนไลน์ก็ถือกำเนิดขึ้น
นับตั้งแต่ปี 1998 ที่ PayPal เปิดตัว บริการทางการเงินได้ย้ายไปสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น โดยผู้คนจำนวนมากสามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารของตนผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือแล็ปท็อปเท่านั้น และในหลายกรณี ธนาคารสาขาแบบเดิมกำลังกลายเป็นสิ่งล้าสมัย
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีการเกิดขึ้นของ neobanks หรือ “ธนาคารคู่แข่ง” เช่น Revolut และ N26 ซึ่งเป็นการท้าทายรูปแบบการธนาคารแบบดั้งเดิม โดยธนาคารเหล่านี้ดำเนินงานทั้งหมดผ่านช่องทางออนไลน์และมีบริการที่หลากหลายน้อยกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
ในแวดวง Fintech ยังคงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Robinhood แอปพลิเคชันมือถือที่ให้บริการการลงทุนและการซื้อขายแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น และ Nova Credit ที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมการให้คะแนนเครดิตแบบดั้งเดิม
แม้ว่า เว็บ 3.0 ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่แนวคิดนี้ได้ปรากฏขึ้นนับตั้งแต่เปิดตัว Bitcoin ในปี 2009 และมีแนวโน้มที่จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอย่างของ Fintech
นี่คือตัวอย่างเทคโนโลยี Fintech บางส่วนที่คุณอาจพบในปัจจุบัน:
- แอปพลิเคชันสำหรับการชำระเงิน เช่น Venmo ที่ผู้ใช้มีกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับโอนเงินให้กับผู้อื่นภายในแอป หรือแอปพลิเคชันแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง อย่าง Anyday ที่ให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระได้
- แอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์ เป็นแอปพลิเคชันที่พบได้ทั่วไป โดยมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย บางแอปพลิเคชันอนุญาตให้คุณเปิดบัญชีใหม่หรือขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันได้เลย ขณะที่บางแอปพลิเคชันให้ตรวจสอบเพียงยอดเงินและทำธุรกรรมง่ายๆ
- แอปพลิเคชัน Blockchain และสกุลเงินดิจิทัล เช่น Binance ช่วยให้ผู้ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลบน Blockchain ได้อย่างปลอดภัย
- แอปพลิเคชันสำหรับการวางแผนการเงิน แอปพลิเคชันเหล่านี้มีตั้งแต่แอปพลิเคชันสำหรับติดตามค่าใช้จ่ายง่ายๆ ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่ความซับซ้อนขึ้นอย่าง Mint ที่สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตหลายแห่งเพื่อติดตามสถานะทางการเงินได้โดยอัตโนมัติ
- แพลตฟอร์มระดมทุน เช่น Kickstarter ช่วยให้ผู้ใช้ที่สนใจสามารถร่วมลงทุนหรือสนับสนุนธุรกิจ Startup ได้
ผลกระทบของเว็บ 3.0 ต่ออุตสาหกรรม Fintech
ก่อนที่เราจะพูดถึงผลกระทบของเว็บ 3.0 ต่อ Fintech เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจความหมายของเว็บ 3.0 ก่อน ซึ่งเว็บ 3.0 ไม่ใช่เทคโนโลยีเดียว แต่เป็นแนวคิดวิวัฒนาการของเว็บไซต์ โดยอาศัยแนวคิดและเทคโนโลยีต่างๆร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายศูนย์ข้อมูล, Blockchain , AI, IoT และ Machine learning เพื่อสร้างเว็บไซต์อัจฉริยะ และเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
การพัฒนาเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม Fintech ในหลายด้าน เพื่อให้บริษัทสามารถอยู่รอดในโลกยุคใหม่นี้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยี Blockchain ขับเคลื่อน DeFi (Decentralized Finance)
DeFi หรือบริการทางการเงินแบบกระจายอำนาจบน Blockchain น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดแสดงถึงวิวัฒนาการของ Fintech ผ่านเว็บ3.0 โดยไม่ต้องอาศัยธนาคารกลาง หรือตัวกลางอย่าง Visa และ SWIFT ในการดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศ ด้วย DeFi และ Blockchain ผู้ใช้จะสามารถควบคุมสินทรัพย์ของตนเองได้และ สามารถส่งเงินไปได้ทุกที่ทั่วโลก โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานกลาง หรือเผชิญกับกฎระเบียบมากมายช่นเดียวกับระบบการเงินแบบเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ Blockchain ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมีข้อดีสำหรับหลายอุตสาหกรรม รวมถึงFintech ได้เป็นอย่างดี
IoT (Internet of Things)
เทคโนโลยี IoT ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมได้จากทุกที่ ตัวอย่างเช่น ตู้เย็น รถยนต์ หรือแม้กระทั่งเครื่องพิมพ์ สามารถสั่งซื้อสินค้าแทนผู้บริโภคได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แล็ปท็อป หรือสมาร์ทโฟน เมื่อทำงานร่วมกับ AI และ Machine Learning อุปกรณ์เหล่านี้ยังสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าแทนผู้บริโภคได้อีกด้วย
AI และ Machine Learning
AI และ Machine Learning ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างระบบอินเทอร์เน็ต และคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อผสมผสานกับข้อมูลมหาศาลที่องค์กรต่างๆ เป็นเจ้าของ เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงด้านการเงิน เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น
ในแวดวง Fintech สามารถใช้ AI เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าไปจนถึงระดับบุคคล เพื่อช่วยให้สามารถนำเสนอข้อมูล และข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้มากที่สุด
ประโยชน์ของเว็บ 3.0 สำหรับอุตสาหกรรม Fintech
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเว็บ 3.0 ล้วนก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทาย ต่อไปนี้เป็นโอกาสบางประการสำหรับอุตสาหกรรม Fintech
ความน่าเชื่อถือ
เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส และมีระดับความน่าเชื่อถือที่สูงมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญของเทคโนโลยีนี้ นอกจากนี้ Blockchain ยังรองรับการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ (แม้จะไม่เปิดเผยตัวตน) ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากผู้ใช้สามารถจัดเก็บและยืนยันตัวตนโดยใช้ Blockchain อีกทั้ง ลักษณะการกระจายศูนย์ของ Blockchain ช่วยให้ระบบมีความเสถียรมากขึ้น เนื่องจากไม่มีจุดอ่อนในระบบการเงิน ซึ่งแตกต่างจากระบบบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมที่ยังคงมีจุดอ่อน
การเข้าถึง
ตามทฤษฎีแล้ว 3.0 จะช่วยให้การควบคุมข้อมูลและการจัดการเงินเป็นไปอย่างเสมอภาคมากขึ้น ถึงแม้ว่าแนวคิดจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็ตาม แนวคิดหลักคือทุกคนจะสามารถควบคุมการเงิน สินทรัพย์ และข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้โดยใช้แอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังมีอุปสรรคทางเทคโนโลยีและความรู้ความเข้าใจในการเข้าถึง เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากที่ยังรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ หรือขาดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเข้าถึง
การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า
เป้าหมายอย่างหนึ่งของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทุกชนิด คือการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานเว็บ 3.0 ก็เช่นกัน โดยเฉพาะผ่านการใช้ IoT, AI และ Machine Learning เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถนำมาใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างราบรื่น เนื่องจาก AI สามารถวิเคราะห์เส้นทางการเงินของลูกค้าได้อย่างชาญฉลาด
ตัวอย่างเช่น Royal Bank of Canada กำลังใช้ AI และ Machine Learning เพื่อช่วยลูกค้าบริหารจัดการการซื้อขายหลักทรัพย์
การทำธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น
เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้การทำธุรกรรมเกิดขึ้นได้เกือบจะทันที โดยการตัดตัวกลางออกจากระบบธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ การใช้ AI ร่วมกับข้อมูลจำนวนมหาศาลและระยะเวลาประมวลผลที่เร็วขึ้น จะช่วยให้การตัดสินใจทางการเงิน เช่น สินเชื่อและประกันภัย สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น และเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ความท้าทายของเว็บ 3.0 สำหรับอุตสาหกรรม Fintech
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ที่มีความท้าทายมากมายที่มาพร้อมกับเว็บ 3.0
ระยะเริ่มต้น
เป็นปกติที่ในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมักจะพบปัญหาอยู่เสมอ เปิดโอกาสมากมายสำหรับผู้ที่กล้ายอมรับความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงก็ย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับ DeFi ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นอาจมีข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดอยู่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของ Protocols และแพลตฟอร์มที่แข่งขันกันเอง ไม่มีใครอยากเดิมพันกับเทคโนโลยีที่ล้าหลัง ตัวอย่างเช่น เครื่องเล่น Blu-Ray หรือ Betamax แทนที่จะเป็น DVD หรือ VHS ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้บุกเบิกในแวดวงนี้
ยากต่อการควบคุม
แม้ว่าจะมีการควบคุมบางส่วนของเทคโนโลยี Blockchain เช่น สหรัฐฯ ในปัจจุบันกำลังเก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล แต่จุดประสงค์หลัก และเป้าหมายหลายประการของ Blockchain และสกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่คือการหลีกเลี่ยงการควบคุมและระบบราชการที่ธนาคารกลางหรือหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินอื่นๆ จัดตั้งขึ้น
สิ่งนี้เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับบริษัท Fintech โดยเฉพาะบริษัทที่พัฒนามาจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม สำหรับ Startup นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ในสภาพแวดล้อมของการบริการทางการเงินยุคใหม่นี้
อาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น
เมื่อมีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ย่อมมีคามเสี่ยงที่จะถูกแฮ็คบัญชีมากขึ้น ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดที่สามารถทำธุรกรรมได้ รวมถึงอุปกรณ์ภายในบ้านที่ใช้ IoT จึงเป็นต้องได้รับการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ
ข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ในการเข้าถึง
ในปัจจุบัน อุปกรณ์บางอย่างยังไม่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเพียงพอที่จะใช้ประโยชน์จากเว็บ 3.0 ได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามปัญหานี้คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในอนาคตอันใกล้ เมื่อ Protocols และโครงสร้างพื้นฐานของเว็บ 3.0 ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
การจัดการข้อมูล
ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาลที่องค์กร Fintech กำลังเก็บรวบรวมไว้ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากช่องทางการรับข้อมูลมีมากขึ้น (IoT) ดังนั้น การมีกลยุทธ์การจัดการข้อมูลที่ดีเยี่ยม รวมถึงการใช้ Machine Learning และ AI เพื่อจัดการและใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมดอย่างชาญฉลาดก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
ผู้ใช้งานในปัจจุบันมีความตระหนักเกี่ยวกับข้อมูลของตนเอง และวิธีการนำไปใช้มากขึ้น ดังนั้น องค์กร Fintech จำเป็นต้องเปิดเผยและโปร่งใสกับลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลที่จัดเก็บและแผนการนำข้อมูลไปใช้ ผู้ใช้จำนวนมากยอมรับการใช้ข้อมูล หากเข้าใจว่าข้อมูลนั้นสามารถสร้างประโยชน์ให้กับตนเองได้อย่างไร
Fintech ภายใต้เว็บ 3.0 ในอนาคตจะเป็นเช่นไร?
เว็บ 3.0 และ DeFi เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการเป็นเจ้าของและจัดการข้อมูล รวมถึงการทำงานของสถาบันการเงิน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัท Fintech และบริการทางการเงินทั้งหมดจะต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัว และนำเอาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มาใช้
บริษัท Manao Software เรามี ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแวดวงของแอปพลิเคชัน Fintech และทีมงานของเรามุ่งมั่นพัฒนาความรู้ความสามารถ ติดตามทุกกระแส และเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้เว็บ 3.0 เพื่อนำเสนอบริการที่ดีที่สุด หากต้องการพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์แอปพลิเคชัน Fintech ของคุณและการประยุกต์ใช้ของเว็บ 3.0
ติดต่อเราตอนนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับไอเดียของคุณ